รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาโดยนิสิตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา






รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาโดยนิสิตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา

1.1 รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการกิจกรรมทางกาย (Physical Knowledge Activity) ในการสร้างมโนทัศน์พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กก่อนประถมศึกษา
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
เตือนใจ ทองสำริด (2531) อาจารย์ประจำสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้เป็นวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต โดยใช้แนวของเดอวรีย์ (Devries) ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้ผู้เรียนกระทำกิจกรรมทางกาย จะทำให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการทางสติปัญญา

ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะสร้างมโนทัศน์พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กก่อนประถมศึกษา

ค. กระบวนการการเรียนการสอนของรูปแบบ
1. ขั้นสร้างสถานการณ์ปัญหาและแนะนะอุปกรณ์
2. ขั้นสำรวจตรวจค้นและชักจูง
3. ขั้นขยายประสบการณ์
4. ขั้นสรุปและประเมินผล

ง. ผลที่ผู้เรียนรับจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
เตือนใจ ทองสำริด (2530 : 181-183) ได้นำรูปแบบนี้ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 จำนวน 2 กลุ่ม พบว่าคะแนนมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าก่อนนอกจากนั้นยังพบว่า นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและสนใจสื่อมาก รูปแบบนี้นอกจากนี้นอกจากจะใช้กับเด็กก่อนวัยเรียนแล้ว ผู้วิจัยได้เสนอแนะว่าสามารถปรับใช้กับเด็กระดับประถมศึกษาตอนต้นได้ดี โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์

1.2 รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้สาระอิงบริบท (Anchored Instruction) เพื่อส่งเสริมความใฝ่รู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
วิโรจน์ วัฒนานิมิตกูล (2540) ให้ความหมายของคำว่า Anchor ตามลักษณะการใช้งานได้ว่าเป็น
1. จุดรวม
2. ความลึก
3. ความกว้าง
ซึ่งแสดงถึงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่นำสาระซึ่งมีความซับซ้อนทั้งทางกว้างและลึกและมีมุมมองได้หลายด้านมาเป็นเนื้อหาการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าและสรุปเป็นองค์รวมได้ สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนเกิดความต้องการจะศึกษาค้นคว้าหาความรู้นั้นในแง่มุมต่างๆที่ผู้เรียนสนใจ
ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
การใช้รูปแบบนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเนื้อหานั้นๆ อย่างลึกซึ้ง รวมทั้งให้ผู้เรียนได้เกิดทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง

ค. กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ผู้สอนมุ่งมุ่งนำเสนอสาระอิงบริบทให้ผู้เรียนพิจารณาประเด็นต่างๆ ในแง่มุมที่ต้องการศึกษาค้นคว้าความรู้ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายแล้วนำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน จากนั้นจึงสรุปเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับสาระอิงบริบทเดิม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในสาระอิงบริบทนั้นๆยิ่งขึ้น แล้วนำความรู้ที่ได้ทั้งหมดไปใช้ในการพิจารณาประเด็นที่ค้นคว้าต่อไป

ง. ผลที่ผู้เรียนได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
วิโรจน์ วัฒนานิมิตกูล (2540 : 151-154) ประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน ผลปรากฏว่าหลังการทดลองสอนนักเรียนกลุ่มทดลองได้คะแนนเฉลี่ยด้านทักษะการแสวงหาความรู้ และคะแนนเฉลี่ยด้านเจตคติต่อการแสวงหาความรู้สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

1.3 รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivism) สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
ไพจิตร สะดวกการ (2538) ศึกษานิเทศก์ กรมสามัยศึกษาได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์นี้ขึ้นเป็นวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิตเพื่อใช้สอบนักศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยใช้แนวคิดของคอนสตรัคติวิสต์โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. การเรียนรู้คือการสร้างโครงสร้างทางปัญญาที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็นปัญหาและใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา
2. นักเรียนเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยวิธีการที่ต่างกัน โดยอาศัยประสบการณ์เดิมโดยโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่ ความสนใจและแรงจูงใจภายในตนเองเป็นจุดเริ่มต้น
3. ครูมีหน้าที่จัดให้นักเรียนได้ปรับขยายโครงสร้างทางปัญญาของนักเรียน

ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
รูปแบบนี้มุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนคณิตศาสตร์ โดยช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างเข้าใจ จากการมีโอกาสได้สร้างความรู้ด้วนตนเอง

ค. กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ขั้นตอนที่ 1 สร้างความขัดแย้งทางปัญญา
ขั้นตอนที่ 2 ดำเนินกิจกรรมไตร่ตรอง
ขั้นตอนที่ 3 สรุปผลการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา

ง. ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบนี้
ผู้ เรียนจะมีความเข้าใจมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ที่ตนและกลุ่มเพื่อนได้ร่วมคิด โดยกระบวนการสร้างความรู้และพัฒนาทักษะกระบวนการต่างที่สำคัญทางคณิตศาสตร์

1.4 รูปแบบการเรียนการสอนการเขียนภาษาอังกฤษแบบเน้นกระบวนการ (Process Approach) สำหรับนักศึกษาไทยระดับอุดมศึกษา
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
รูปแบบการเรียนการสอนการเขียนภาษาอังกฤษแบบเน้นกระบวนการนี้ เป็นผลงานวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิตของ พิมพันธ์ เวสสะโกศล (2533) อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การเรียนการสอนมุ่งเน้นที่กระบวนการที่ทั้งหลายที่ใช้ในการสร้างงานเขียน การสอนควรเป็นการเสนอแนะวิธีการสร้างและเรียบเรียงความคิดมากกว่าจะเป็นการสอนรูปแบบและโครงสร้างของภาษา
          
ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
รูปแบบนี้มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถเขียนภาษาอังกฤษในระดับข้อความได้ โดยข้อความนั้นสามารถสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และเป็นข้อความที่ถูกต้องทั้งหลักการใช้ภาษาและหลักการเขียน นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาความสามารถในการใช้กระบวนการเขียนในการสร้างงานเขียนที่ดีด้วย

ค. กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ขั้นที่ 1 ขั้นก่อนการเขียน
ขั้นที่ 2 การเรียบเรียงข้อมูล
ขั้นที่ 3 ขั้นปรับปรุงแก้ไข

ง. ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนการสอนตามรูปแบบ
กลุ่ม ทดลองที่ใช้รูปแบบนี้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนภาษาอังกฤษสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่เรียนโดยอาจารย์ใช้ วิธีสอนแบบเน้นตัวงานเขียนอย่างมีนัยสำคัญและผู้วิจัยได้เสนอแนะให้รูปแบบ นี้ไปประยุกต์ใช้ในการสอนเขียนในระดับอื่นๆด้วย

1.5 รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะปฏิบัติสำหรับครูวิชาอาชีพ
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์ (2535) ได้พัฒนารูปแบบนี้ เพื่อการเรียนการสอนวิชาอาชีพสายต่างๆซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นทักษะปฏิบัติโดยอาศัยแนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะปฏิบัติ
           
ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
รูปแบบนี้มุ่งพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานที่ทำ และเกิดทักษะที่สามารถจะทำงานนั้นได้อย่างชำนาญตามเกณฑ์ รวมทั้งมีเจตคติที่ดีมีลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานด้วย
          
ค. กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ยุทธวิธีที่ 1 การสอนทฤษฎีก่อนสอนงานปฏิบัติ
ยุทธวิธีที่ 2 การสอนงานปฏิบัติก่อนสอนทฤษฎี
ยุทธวิธีที่ 3 การสอนทฤษฎีและปฏิบัติไปพร้อมๆกัน


ง. ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
ผล การทดลองพบว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ทางด้านทฤษฎีถึงขั้นความเข้าใจและประสบผลสำเร็จใน ด้านการพัฒนาทักษะในระดับที่สามารถปฏิบัติงานให้มีคุณภาพได้ถึงเกณฑ์ที่ต้อง การรวมทั้งได้แสดงพฤติกรรมของการมีลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานด้วย




ที่มา : พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น